วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Field Trip1

วันที่ 1
     
          เริ่มต้นที่อาการตื่นเต้นบวกกับอดนอนเล็กน้อย หลังจากการจัดกระเป๋าอย่างบ้าคลั่งเมื่อคืนกลัวลืมของเป็นที่สุดเนื่องจากเราจะไม่ได้พบกันอีกเป็นเวลา 9 วันเต็ม หลังจากทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยพร้อมกะกล้องถ่ายรูปที่ต้องมีทุกคนก็ออกเดินทางจากลาดกระบังไปรับ อ.จิ๋วที่บ้าน และออกเดินทางไปจังหวัด ลำปาง โดยอาจารย์บอกว่าจะแวะที่จังหวัดอุทัยธานีก่อน



ระหว่างทางแวะถ่ายภาพ “ ท้องนาเขียวขจีค่า ”
          แวะกินข้าว หน้าวัด.... จังหวัดอุทัยธานี เนื่องจากค่อนข้างหิวจัด หลังจากที่พี่แป๊ะปล่อยลงรถตรงไหน ก็หาร้านนั่งกินตรงนั้นเลยค่ะ แล้วพอกินอิ่มก็เดินไปเซเว่นซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล ระหว่างทางก็เจอคุณตาท่าทางใจดี ถามว่าเรามาเที่ยวก็เหรอ เคยมาจังหวัดอุทัยธานีรึเปล่า และแล้วคุณตาก็ทำท่าจะเล่าประวัติจังหวัดอุทัยธานีให้ฟัง แต่เนื่องจากค่อนข้างรีบ จึงกล่าวขอบคุณและอำลาคุณตาออกมาก่อน


หลังจากอิ่มหนำสำราญก็พร้อมทำงานเต็มที่ ที่แรกที่ไปดูคือ "บ้านเรือนแพ"
          ในสมัยก่อนมีการค้าขายโดยคมนาคมทางน้ำ ขนส่งข้าวด้วยเรือนแพมาทางแม่น้ำจากภาคกลาง และเมื่อขายข้าวได้เงินก็น้ำมาซื้อของจากตลาดน้ำกลับไปภาคกลางด้วย เช่น ปลาแห้ง จึงมีการสร้างบ้านเป็นลักษณะเรือนแพเพื่อเป็นทั้งที่พักอาศัยและค้าขาย


          บริเวณใกล้เคียงมี “ป่าไผ่” เพื่อนำต้นไผ่มาใช้ซ่อมแซมแพ มีสวนน้ำหน้าบ้านเป็นลักษณะกระชัง ปลูกผักกระเฉด เตย หรือเลี้ยงปลา


          เรือนแพโบราณ ลักษณะการวางผังแบบเก่าแก่ แต่มีการเปลี่ยนจากเหงา เป็นการฉลุไม้แบบเรือนขนมปังขิงแล้ว มีการอยู่รวมกันเป็นหมู่เรือนหลายๆหลัง มีเรือนหนึ่งทำหน้าที่เป็น ศาลาวัด คือ ไม่ต้องไปถึงวัด ก็สามารถจัดพิธีศพได้


          ตัวเรือนด้านหน้ามีลักษณะสามารถเปิดได้โล่ง บานประตูเป็นบานเฟี้ยมด้านข้างเป็นห้องครัว ส่วนด้านในเป็นห้องนอน ห้องพระ มีประตูเปิดทะลุออกไปด้านหลังมีเรือนแยกไปอีก 2 เรือน คือ ห้องน้ำ กับห้องเก็บของ

    
          “ขาตุ๊กตา” ยาวลงประมาณ 3 เมตร ทำหน้าที่รัดลูกบวบ ก่อนที่จะวางคานลงไปอีกที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น